วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555
เตือนภัย! ระวังซื้อประกันภัยรถยนต์ ได้แค่กระดาษเปล่า..
โลกยุคปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆพัฒนาไปมาก จนเอื้ออำนวยความสะดวกแก่มิจฉาชีพ ไม่ ว่าจะเป็นเรื่องข้อมูลประวัติลูกค้า การจัดทำเอกสารที่มีแบบฟอร์มเหมือนบริษัทประกันภัยรถยนต์(จัดพิมพ์สีสวยกว่าบริษัท ประกันภัยรถยนต์บางบริษัทอีกด้วย) จนผู้บริโภคไม่สามารถแยกแยะได้ว่าผู้ที่โทรศัพท์มาขายประกัน โทรมาจากไหนจริง เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะอ้างว่าโทรมาจากทางบริษัทประกันภัยรถยนต์ รวมทั้งจดหมายเอกสารที่ส่งมาก็มีโลโก้บริษัทประกันภัยรถยนต์ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อสำนักงาน ดูน่าเชื่อถือมากๆ แต่พอตกลงทำเมื่อไร...ได้เรื่องเมื่อนั้นทันที!!!
โดยกลุ่มมิจฉาชีพเหล่า นี้มีวาทะศิลป์ในการขายเป็นอย่างดี เรียกว่ามืออาชีพ และเมื่อตกลงทำจะจัดส่งพนักงาน(มีชุดฟอร์มดูน่าเชื่อถือ)มาเพื่อถ่ายรูปรถ เก็บเงิน และออกหลักฐานการรับประกันภัยรถยนต์ รวมถึงใบเสร็จรับเงิน ครบชุดบางรายมีนามบัตรให้ด้วย ซึ่งจากนโยบายในการเลือกซื้อประกันที่ว่ากัน คือ
1. ดูบัตร(ปลอม)
2. ชำระเบี้ยประกันภัยรถยนต์(เรียบร้อย)
3. รับหลักฐาน(ที่ทำกันขึ้นมา)
4. ติดตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์(ติดต่อใครๆก็ไม่ได้)
...เป็นอันว่า เข้าทางมิจฉาชีพพอดี ซึ่งจริงๆแล้ววิธีการที่แนะนำกันมาก็ใช้ได้แต่ต้องเพิ่มรายละเอียดให้สมบูรณ์มากขึ้น
หากต้องชำระเป็นเงินสด คือ
1. ตรวจสอบใบอนุญาต ว่ามีตัวตนหรือเปล่าสามารถตรวจสอบจากwebsite หรือ โทร1186 ติดต่อคปภ.ก็ได้
2. ตรวจสอบกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ลูกค้าได้ตกลงทำประกันว่าได้มอบอำนาจให้พนักงานคนนี้มาเก็บเงินได้จริงหรือเปล่า
3. ไม่ว่าจะเช็คแบบไหนสุดท้ายก็ต้องขอสำเนาบัตรประชาชนของผู้มารับเงินพร้อมเบอร์โทร(เป็นวิธีแบบพื้นๆที่ทำกันมานานแต่ใช้ได้ดี)
ส่วน การชำระโดยการโอนเข้าบัญชีธนาคารก็ปลอดภัยมาขึ้น โดยเฉพาะการโอนเข้าตรงที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ และถ้าเป็นชื่อบัญชีอื่นๆก็ต้องตรวจสอบเหมือนกับการชำระเงินสด ที่สำคัญควรเก็บหลักฐานการโอนเอาไว้(สำคัญมากๆ)
ผมได้แนบขั้นตอนการทำประกันตามฉบับคปภ.มาให้อ่านด้านล่างซึ่งวิธีที่ควรปฏิบัติตามกันนะครับ แต่เสริมเฉพาะเรื่องการชำระเงินที่ผมได้แนะนำไปข้างต้น
1. ดูบัตร : ขอดูบัตรใบอนุญาตตัวแทนประกันวินาศภัยหรือนายหน้าประกันวินาศภัยที่ออกโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ทุกครั้งที่จะทำประกันภัย
2. ชำระเบี้ยประกันภัย : ชำระเบี้ยประกันภัยให้ครบถ้วนก่อนหรือตรงกับวันที่ประสงค์จะให้เริ่มความคุ้มครอง
3. รับหลักฐาน : เมื่อชำระเบี้ยประกันภัย ให้เรียกหลักฐานการรับชำระเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันภัยเพื่อเป็นหลัก ฐานว่าได้ชำระเบี้ยประกันภัยแล้ว และการทำประกันภัยรถยนต์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสพภัยจากรถ พ.ศ. 2535(พ.ร.บ.) หรือการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจรวมการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ(สมัครใจ รวม พ.ร.บ) จะได้รับหลักฐานแสดงการประกันภัยรถยนต์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เพื่อใช้สำหรับการจดทะเบียนใหม่หรือขอเสียภาษีประจำปีต่อนายทะเบียนขนส่ง
4. ติดตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ : หากไม่ได้รับกรมธรรม์ประกันภัยภายใน 15 วัน นับแต่วันชำระเบี้ยประกันภัยให้ติดต่อไปที่บริษัทประกันวินาศภัยที่ท่านทำ ประกันภัยรถยนต์โดยตรง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น