วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คปภ. แนะประชาชนเช็คสภาพรถก่อนเดินทางท่องเที่ยว ช่วงหยุดยาวปีใหม่

1343731063
     สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมส่งเสริมทศวรรษแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน เตือนประชาชนตรวจสอบการทำประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. ตลอดจนวันหมดอายุของการทำประกันภัยรถยนต์ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว พร้อมอำนวยความสะดวกและให้บริการสอบถามข้อมูลรถทุกคันที่ทำประกันภัย ทางสายด่วนประกันภัย 1186 ตลอดในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า ในวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยว รวมถึงกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดเป็นจำนวนมากโดยส่วนใหญ่ ใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการเดินทาง สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยผู้ใช้รถใช้ถนน จึงประสานสำนักงาน คปภ. ภาคและจังหวัด เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกให้บริการปรึกษาปัญหาด้านการประกันภัย และเป็นศูนย์กลางฐานข้อมูลด้านการประกันภัย เพื่อให้ประชาชนสามารถโทรสอบถามข้อมูลการทำประกันรถยนต์ที่ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยบริษัทประกันภัยสามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที โดยประชาชนสามารถโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186 ทั่วประเทศ ซึ่งในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2556 – 1 มกราคม 2557 เจ้าหน้าที่สายด่วนประกันภัย สำนักงาน คปภ. จะปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ฝากเตือนผู้ใช้รถควรขับรถด้วยความระมัดระวัง อย่าลืมตรวจสอบการทำประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. และวันหมดอายุของการทำประกันรถยนต์ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น การทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยและครอบครัวได้ ที่สำคัญควรตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัย เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงวันหยุดยาวนี้ ขอแนะนำให้ประชาชนทำประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางอุ่นใจ ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับการเดินทางในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ภายในประเทศ ที่ให้ความคุ้มครองการสูญเสียอวัยวะ สายตา ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง และค่ารักษาพยาบาล โดยมีอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ เช่น จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 10,000 บาท ระยะเวลาเดินทาง 1-14 วัน มีเบี้ยประกันภัยอยู่ระหว่าง 15 - 60 บาท  ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ มีกรมธรรม์ประกันภัย   การเดินทางที่ให้ความคุ้มครองที่หลากหลาย เช่น การเสียชีวิต ทุพพลภาพ ค่ารักษาพยาบาล ความล่าช้าหรือสูญหายของกระเป๋าเดินทาง ความสูญหายของทรัพย์สินส่วนตัว การพลาดการต่อเที่ยวบิน และค่าใช้จ่ายเมื่อการเดินทางหยุดชะงัก เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยได้จัดแผนความคุ้มครองแบบต่างๆ ให้ผู้เอาประกันภัยเลือกซื้อตามความต้องการ โดยเบี้ยประกันภัยจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ในแต่ละแบบ ทั้งนี้ อยากขอแนะนำกรมธรรม์ประกันภัย 200 สำหรับรายย่อยที่ให้ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ โดยให้เงินค่าทดแทนถึง 100,000 บาท จากเบี้ยประกันภัยเพียงปีละ 200 บาท และสามารถหาซื้อได้ง่ายทั้งจากบริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการฯ ตัวแทน/นายหน้าประกันภัย บริษัทไปรษณีย์ไทย ธนาคาร รวมถึงร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 หรือ www.oic.or.th
ประชาสัมพันธ์โดย  ที่ปรึกษา ประกันภัยรถยนต์ ชั้นนำ แหล่งรวมโปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ

วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปัดฝุ่น กม.คุ้มครองผู้ประสบภัยรถ

ประชาสัมพันธ์โดย  ที่ปรึกษา ประกันภัยรถยนต์ ชั้นนำ
แหล่งรวมโปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ
art_577162
     นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงาน คปภ. ได้ให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เป็นผู้ทำการศึกษาวิจัยกรอบและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการพัฒนาระบบการประกันภัย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า พ.ร.บ.รถภาคบังคับ เพื่อนำมาปรับปรุงมาตรการ และกฎระเบียบต่างๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
     ขณะนี้ ทีดีอาร์ไอได้เสนอผลการวิจัยขั้นต้นต่อ สำนักงาน คปภ. แล้ว โดยมีทั้งส่วนดีและส่วนที่ต้องพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ระบบการจ่ายค่ารักษาพยาบาลผ่านระบบสินไหมอัตโนมัติ หรือ E-Claim ที่มีการแจ้งข้อมูลผู้ประสบภัย และข้อมูลการรักษาพยาบาล รวมถึงเอกสารหลักฐานผ่านระบบออนไลน์ในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันภัยและกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย
     ทำให้ผู้ประสบภัยจากรถไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานอาจจะยังมีช่องว่าง และสำนักงาน คปภ. ก็พร้อมที่จะดำเนินการพัฒนา ปรับปรุง เพื่อให้ประชาชนผู้ประสบภัยจากรถทุกคนได้รับความคุ้มครองตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทั้งนี้ ผลงานวิจัยฉบับสมบูรณ์น่าจะแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2557

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

TQM สงขลา ร่วมโครงการยุวชนประกันภัย

p6
     สํานักงาน คปภ.จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามโครงการยุวชนประกันภัย ประจําปี 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์การดําเนินงานตามโครงการและเผยแพร่ผลงานของสถานศึกษาและนักเรียนที่มีผลงานดีเด่นแก่โรงเรียน/สถานศึกษา สายสามัญและสายอาชีพ

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประกันภัยอิสรภาพ

เกร็ดความรู้ดีๆจาก   Q4Car ตลาดรถ รับฝากขาย รถมือสอง ฟรี!!!!
ที่ปรึกษา ประกันภัยรถยนต์ ชั้นนำ แหล่งรวมโปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ

    การประกันภัย เป็นวิธีการแบ่งเบาภาระความเสี่ยงของบุคคลที่ต้องประสบภัยให้ได้รับผลร้ายจากภัยน้อยที่สุด ตั้งแต่ภัยน้ำท่วม, ภัยไฟไหม้, ภัยอุบัติเหตุ, ภัยโจรกรรม ฯลฯ หรือแม้จะตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาต้องถูกควบคุมตัวไม่ได้รับอิสรภาพ ก็ถือเป็นภัยชนิดหนึ่งที่สามารถนำไปประกันภัยได้เช่นกันในชื่อที่เรียกว่า ประกันภัยอิสรภาพ

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

TQMบริลเลี่ยนท์ เซอร์เวย์ รับรางวัลชนะเลิศผู้สำรวจอุบัติเหตุรถยนต์ดีเด่น

brilliantnn56_resize
 
  นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มอบรางวัลชนะเลิศผู้สำรวจอุบัติเหตุรถยนต์ดีเด่น ประจำปี 2556 แก่ บริษัท บริลเลี่ยนท์ เซอร์เวย์ จำกัด บริษัทในกลุ่ม ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ โดยมีนายนิคม จันคง กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้รับมอบรางวัล และ นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธาน และ คุณนภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด ได้มาร่วมแสดงความยินดีในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง

ประชาสัมพันธ์โดย   Q4Car ตลาดรถ รับฝากขาย รถมือสอง ฟรี!!!! ที่ปรึกษา ประกันภัยรถยนต์ ชั้นนำ แหล่งรวมโปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

พรบ.รถยนต์

     


     การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่รู้จักกันในชื่อของการประกันภัย พ.ร.บ. นั้น เกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดให้เจ้าของรถและผู้ใช้รถทุกคนต้องทำประกันภัยรถยนต์ที่ใช้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับทางอาญา คำว่าการประกันภัยรถยนต์ "ภาคบังคับ" นี้ มิได้มีความมุ่งหมายบังคับเฉพาะผู้เป็นเจ้าของรถ หรือผู้ใช้รถที่ต้องทำประกันภัยรถที่ใช้เท่านั้น แต่ยังบังคับให้ทุกบริษัทประกันวินาศภัยที่ได้รับอนุมัติให้รับประกันภัยรถได้ ต้องรับประกันภัยรถตามพระราชบัญญัตินี้เช่นเดียวกัน หากฝ่าฝืนปฏิเสธการรับประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนี้ ก็มีโทษปรับในทางอาญาเช่นเดียวกัน
     ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 10 ปีของการใช้บังคับพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 อัตราเบี้ยประกันภัยและความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับได้เปลี่ยนแปลงหลายครั้ง สำหรับความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนี้ให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายของบุคคลที่ได้รับอันตรายจากรถทุกคัน โดยเรียกบุคคลที่ได้รับอันตรายจากรถว่า "ผู้ประสบภัย" ความคุ้มครองของการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนี้กล่าวได้ว่าให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยทุกราย แม้ว่าผู้ประสบภัยนั้นจะได้รับอันตรายจากรถที่ไม่ได้ทำประกันภัยไว้ก็ตาม เพราะพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถกำหนดให้จัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ประสบภัย เพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ประสบภัยที่ได้รับอันตรายจากรถที่ไม่มีประกันภัย หรือจากรถที่มีประกันภัยแต่บริษัทที่รับประกันภัยปฏิเสธการชดใช้
     ในส่วนของความคุ้มครองตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนั้น ให้ความคุ้มครองสำหรับผู้ประสบภัยเป็นสองส่วนคือ
  1.คุ้มครองกรณีผู้ประสบภัยได้รับบาดเจ็บ เป็นค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอันจำเป็น เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 50,000.- บาท และหากผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บนั้นต้องพักรักษาตัวในสถานพยาบาล โดยลงทะเบียนเป็นคนไข้ในก็จะได้รับค่าชดเชยอีกวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน
  2.คุ้มครองกรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิต โดยทายาทของผู้ประสบภัยจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 200,000.- บาท
ทั้งนี้ ในการเกิดเหตุแต่ละครั้ง หากรถที่เป็นต้นเหตุเป็นรถนั่งไม่เกิน 7 คน ความคุ้มครองสูงสุดครั้งละไม่เกิน 5,000,000.- บาท แต่ถ้ารถคันต้นเหตุเป็นรถนั่งเกิน 7 คน ความคุ้มครองสูงสุดครั้งละไม่เกิน 10,000,000.- บาท
     นอกจากนี้ เพื่อให้ความคุ้มครองของการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนี้ยังประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ประสบภัยทุกๆ ราย กรมธรรม์ประกันภัยนี้ยังกำหนดค่าสินไหมทดแทนเป็นกรณีพิเศษที่เรียกว่า "ค่าเสียหายเบื้องต้น" เอาไว้ โดยกำหนดให้บริษัทที่รับประกันภัยจะต้องชดใช้ "ค่าเสียหายเบื้องต้น" ให้แก่ผู้ประสบภัยภายใน 7 วัน นับแต่ได้รับการร้องขอ โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความรับผิดตามหลักการประกันภัยค้ำจุนที่เป็นหลักของการประกันภัยรถยนต์ตามปกติ ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดให้บริษัทที่รับประกันภัยจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ให้กับบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหาย เมื่อผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดในเหตุนั้นเท่านั้น แต่สำหรับค่าเสียหายเบื้องต้นตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับเป็นกรณียกเว้นจากหลักการประกันภัยค้ำจุนดังกล่าว
     สำหรับค่าเสียหายเบื้องต้น ได้ถูกกำหนดไว้ดังนี้
  1.ค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ประกันภัยได้รับบาดเจ็บ เป็นเงินจำนวนไม่เกิน 15,000.- บาท
  2.ค่าปลงศพ กรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิต เป็นเงินจำนวน 35,000.- บาท
     หากผู้ประสบภัยได้รับบาดเจ็บแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมาค่าเสียหายเบื้องต้นก็จะเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 50,000.- บาท
     อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ค่าเสียหายเบื้องต้นในส่วนของผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บจากรถ ซึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลโดยเร่งด่วนนั้นได้เกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยได้มากยิ่งๆ ขึ้น ทางภาคธุรกิจและหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจประกันภัย คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้ตกลงที่จะปรับความคุ้มครองสำหรับค่าเสียหายเบื้องต้น ในส่วนของค่ารักษาพยาบาล จากได้รับ 15,000.- บาท เป็นไม่เกิน 30,000.- บาท อันจะมีผลให้ผู้ประสบภัยที่ได้รับอันตรายจากรถจะสามารถได้รับการบรรเทาเยียวยาจากสถานพยาบาลได้มากขึ้นจากเดิมอีกเป็นเท่าตัว และทำให้กรณีผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครองจากค่าเสียหายเบื้องต้นรวมกันสูงสุดไม่เกิน 65,000.- บาท
สำหรับความคุ้มครองในส่วนอื่นๆ ยังคงเดิมตามที่ปรากฏมาในข้างต้น สำหรับการประกาศใช้ความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นสำหรับค่ารักษาพยาบาลในส่วนของค่าเสียหายเบื้องต้นก็คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 2556 ก่อนปีใหม่ครับ
www.siamturakij.com
ประชาสัมพันธ์โดย  Q4Car ตลาดรถ รับฝากขาย รถมือสอง ฟรี!!!!
ที่ปรึกษา ประกันภัยรถยนต์ ชั้นนำ แหล่งรวมโปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การประกันชีวิต คืออะไร

การประกันชีวิต เป็นวิธีการที่บุคคลกลุ่มหนึ่งร่วมกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องจากการตาย การสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และการสูญเสียรายได้ในยามชรา โดยที่เมื่อบุคคลใดต้องประสบกับภัยเหล่านั้น ก็ได้รับเงินเฉลี่ยช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว โดยบริษัทประกันชีวิตจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการนำเงินก้อนดังกล่าวไปจ่ายให้แก่ผู้ได้รับภัย
 
  การประกันชีวิต แยกออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
  1.ประเภทสามัญ เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูง ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ในการพิจารณารับประกันชีวิตอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจสุขภาพ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท และมีการชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี, ราย 6 เดือน, ราย 3 เดือน หรือรายเดือน
  2.ประเภทอุตสาหกรรม เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยต่ำ โดยทั่วไปตั้งแต่ 10,000 - 30,000 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำ การชำระเบี้ยประกันภัยจะชำระเป็นรายเดือน และไม่มีการตรวจสุขภาพ ฉะนั้นจึงมีระยะเวลารอคอย คือ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมชาติ บริษัทจะไม่จ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ แต่จะคืนเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระมาแล้วทั้งหมด
  3.ประเภทกลุ่ม เป็นการประกันชีวิตที่กรมธรรม์หนึ่งจะมีผู้เอาประกันชีวิตร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ส่วนมากจะเป็นกลุ่มของพนักงานบริษัท ในการพิจารณารับประกันอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท การประกันชีวิตกลุ่มนี้อัตราเบี้ยประกันชีวิตจะต่ำกว่าประเภทสามัญและประเภทอุตสาหกรรม

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การประกันภัยการว่างงาน

Recruitment-a00056
ความคุ้มครอง : ให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยที่เป็นลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด หรือนายจ้างปิดกิจการ และได้รับค่าชดเชยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานแล้ว
ผู้เอาประกันภัย หมายถึง ลูกจ้างซึ่งตกลงทำงานให้แก่นายจ้างโดยได้รับเงินเดือนประจำที่ได้ ระบุไว้ในหน้าตาราง กรมธรรม์ฯ และเป็นพนักงานประจำของ นายจ้างไม่น้อยกว่า 180 วันติดต่อกัน
นายจ้าง หมายถึง ผู้ซึ่งตกลงรับบุคคลลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้และต้องเป็น นายจ้างที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ฯ
ค่าชดเชย หมายถึง เงินที่นายจ้างจ่ายให้บุคคลผู้เอาประกันภัยเพื่อเลิกจ้างนอกเหนือจาก เงินประเภทอื่นที่นายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย
หน้าที่ของผู้เอาประกันภัยในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เมื่อผู้เอาประกันภัยถูกเลิกจ้างจากนายจ้าง ต้องแจ้งให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้าและต้องส่งมอบเอกสารหลักฐานต่อไปนี้ให้บริษัท ดังนี้

  •   1. แบบฟอร์มการเรียกร้อค่าทดแทน
  •   2. หนังสือบอกกล่าวการเลิกจ้างหรือปิดกิจการของนายจ้าง
  •   3. หลักฐานการได้รับค่าชดเชยการเลิกจ้างจากนายจ้าง
  •   4. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกันภัย
  •   5. เอกสารอื่น ๆ ที่บริษัทร้องขอตามความจำเป็น
การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย
คำนวณจากเงินเดือนประจำปัจจุบัน ณ วันที่ทำประกันภัยไม่เกิน 50,000 บาท 
จำนวนเงินเอาประกันภัย = 1/2 ของเงินเดือนประจำปัจจุบัน x 3 

อัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันภัยการว่างงาน
   ขั้นต่ำ 2% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
   ขั้นสูง 15.00% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ที่มา : oic.or.th
ประชาสัมพันธ์โดย  Q4Car ตลาดรถ รับฝากขาย รถมือสอง,รถยนต์มือสอง ฟรี!!!!
 ที่ปรึกษา ประกันภัยรถยนต์ ชั้นนำ แหล่งรวมโปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ