
ความคุ้มครอง : ให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยที่เป็นลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด หรือนายจ้างปิดกิจการ และได้รับค่าชดเชยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานแล้ว
ผู้เอาประกันภัย หมายถึง ลูกจ้างซึ่งตกลงทำงานให้แก่นายจ้างโดยได้รับเงินเดือนประจำที่ได้ ระบุไว้ในหน้าตาราง กรมธรรม์ฯ และเป็นพนักงานประจำของ นายจ้างไม่น้อยกว่า 180 วันติดต่อกัน
นายจ้าง หมายถึง ผู้ซึ่งตกลงรับบุคคลลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้และต้องเป็น นายจ้างที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ฯ
ค่าชดเชย หมายถึง เงินที่นายจ้างจ่ายให้บุคคลผู้เอาประกันภัยเพื่อเลิกจ้างนอกเหนือจาก เงินประเภทอื่นที่นายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย
หน้าที่ของผู้เอาประกันภัยในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เมื่อผู้เอาประกันภัยถูกเลิกจ้างจากนายจ้าง ต้องแจ้งให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้าและต้องส่งมอบเอกสารหลักฐานต่อไปนี้ให้บริษัท ดังนี้
ผู้เอาประกันภัย หมายถึง ลูกจ้างซึ่งตกลงทำงานให้แก่นายจ้างโดยได้รับเงินเดือนประจำที่ได้ ระบุไว้ในหน้าตาราง กรมธรรม์ฯ และเป็นพนักงานประจำของ นายจ้างไม่น้อยกว่า 180 วันติดต่อกัน
นายจ้าง หมายถึง ผู้ซึ่งตกลงรับบุคคลลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้และต้องเป็น นายจ้างที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ฯ
ค่าชดเชย หมายถึง เงินที่นายจ้างจ่ายให้บุคคลผู้เอาประกันภัยเพื่อเลิกจ้างนอกเหนือจาก เงินประเภทอื่นที่นายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย
หน้าที่ของผู้เอาประกันภัยในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เมื่อผู้เอาประกันภัยถูกเลิกจ้างจากนายจ้าง ต้องแจ้งให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้าและต้องส่งมอบเอกสารหลักฐานต่อไปนี้ให้บริษัท ดังนี้
- 1. แบบฟอร์มการเรียกร้อค่าทดแทน
- 2. หนังสือบอกกล่าวการเลิกจ้างหรือปิดกิจการของนายจ้าง
- 3. หลักฐานการได้รับค่าชดเชยการเลิกจ้างจากนายจ้าง
- 4. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกันภัย
- 5. เอกสารอื่น ๆ ที่บริษัทร้องขอตามความจำเป็น
การกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย
คำนวณจากเงินเดือนประจำปัจจุบัน ณ วันที่ทำประกันภัยไม่เกิน 50,000 บาท
คำนวณจากเงินเดือนประจำปัจจุบัน ณ วันที่ทำประกันภัยไม่เกิน 50,000 บาท
จำนวนเงินเอาประกันภัย = 1/2 ของเงินเดือนประจำปัจจุบัน x 3
อัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันภัยการว่างงาน
ขั้นต่ำ 2% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ขั้นสูง 15.00% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น