ประกันภัยรับ ลูกรัฐเมาไม่ขับ
ลุยรื้อเงื่อนไขกรมธรรม์รถยนต์ภาคสมัครใจ ลดคุ้มครอง
คนขับเมาเหล้า
จำกัดต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จากเดิม
ให้ถึง
150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ย้ำเกณฑ์เดียวกับกฎหมายฉวยจังหวะเพิ่มเงื่อนไขสากลไม่คุ้มครอง
คนขับฉี่ม่วง
ทั้งเมายาบ้า ยาไอซ์
ส่วนเบี้ยประกันปรับปรุงใหม่เช่นกันให้สอดรับกับความเสี่ยง-โมเดลรถใหม่เกิด เยอะ
ยกเคส “อีโคคาร์” เบี้ยอาจถูกลงกว่าเดิม
เชื่อกฎหมายใหม่ห้าม
ดื่มบนรถกดสินไหมประกันรถยนต์ลด..
ดื่มบนรถกดสินไหมประกันรถยนต์ลด..
ปรับปรุงกธ.ประกันภัยรถยนต์ผู้ขับขี่ที่ดื่มแอลกอฮอล์ฉบับมาตรฐานทุกประเภท
นายพันธ์เทพ ชัยปริญญา ประธานชมรมสินไหมยานยนต์
สมาคมประกันวินาศภัย
ในฐานะคณะทำงานปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและประกันภัยภาคบังคับ
สมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ทางคณะทำงานฯ
อยู่ระหว่างปรับปรุงเงื่อนไขในกรมธรรม์
ประกันภัยรถ
ยนต์ภาคสมัครใจฉบับมาตรฐานทุกประเภทเกี่ยวกับความคุ้มครองผู้ขับขี่ที่ดื่ม
แอลกอฮอล์แล้วขับรถไปเฉี่ยวชนผู้อื่นจนเกิดความเสียหาย
จากเดิมกรมธรรม์
ให้ความคุ้มครองผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่ เกิน 150
มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
จะปรับลดลงเหลือเท่ากับระดับที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งปัจจุบันกฎหมายกำหนดไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ให้เป็นเกณฑ์เดียวกับประกันภัยรถยนต์ทั่วโลก“เราขอข้อมูลกรมธรรม์
ประกันภัยรถยนต์ 217
ประเทศทั่วโลกมาเทียบกับของเราดูว่าของเขาคุ้มครองผู้ขับขี่ที่มีปริมาณ
แอลกอฮอล์ในเลือดเท่าไหร่ พบว่าเกิน 60% คุ้มครองในระดับไม่เกิน 50
มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ประมาณ 100 ประเทศคุ้มครองไม่เกิน 70 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
และมีเกือบ 10 ประเทศหากพบว่าคนขับดื่มเหล้าปุ๊บกรมธรรม์ไม่คุ้มครองเลย การที่เราปรับปรุงกรมธรรม์ใหม่ให้สอดรับกับแนวทาง ของภาครัฐลดความสูญเสียจาก
การเมาแล้วขับ”
นอกจากนี้
ในกรมธรรม์ที่กำลังปรุบปรุงใหม่จะเพิ่มเงื่อนไขไม่คุ้มครองผู้ขับขี่ที่เสพ
สารเสพติด เช่น ยาบ้า, ยาไอซ์ที่เรียกง่ายๆ ว่า
ฉี่ม่วงด้วยกำหนดเป็นข้อยกเว้น ในกรมธรรม์หากพบผู้ขับขี่
เสพสารติดดังกล่าว
แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นกรมธรรม์ไม่คุ้มครองเลยจากเดิมคุ้มครอง
สาเหตุที่ต้องเพิ่มเงื่อนไขดังกล่าวเนื่องจากระยะหลังมีสถิติการเกิด
อุบัติเหตุจำนวนมาก
ที่พบว่าผู้ขับขี่ไม่ได้ดื่มสุรา ไม่มีกลิ่นเหล้า
แต่สังเกตได้ว่าเมายาบ้า ยาไอซ์“เดี๋ยวนี้ตำรวจเขามี
น้ำยาตรวจสารพวกนี้ในปัสสาวะ
ณ จุดเกิดเหตุแล้ว บางที่อาจจะต้องรอผลส่งตรวจ
ซึ่งกรมธรรม์ของต่างประเทศเขาก็ไม่คุ้มครองคนขับฉี่ม่วง เสพสารเสพติดเหมือนกัน
ในอดีตกรมธรรม์ของเราก็เคยมีข้อยกเว้นไว้ แต่เนื่องจากมีการปรับปรุงหลายครั้ง
ครั้งหลังสุดตกหล่นไป
เมื่อเราปรับปรุงใหม่เลยเพิ่มเติมเงื่อนไขข้อนี้เข้าไป” สำหรับอัตราเบี้ยประกันภัยซึงได้มีการปรับปรุงใหม่
ด้วยนั้น นายพันธ์เทพกล่าวอีกว่ามีการทบทวนทั้งระบบเช่นกันเพื่อให้สอดรับกับความเสี่ยงภัยและ
โมเดลรถใหม่ๆ
ที่มีออกมามากขึ้นเพื่อให้อัตราเบี้ยประกันภัยถูกต้อง เป็นธรรมทั้งกับบริษัทประกันภัยและ
ผู้บริโภค อาทิ มูลค่ารถยนต์เสื่อมเร็ว เครื่องยนต์
ระบบความปลอดภัยมีมากน้อยแค่ไหน ราคาอะไหล่
เป็นอย่างไร
เบี้ยประกัยต้องผันแปรตามราคาอะไหล่ โดยว่าจ้างบริษัททัทชาม (ประเทศไทย)
ศึกษาจัดกลุ่มใหม่ให้ โดยทัทชามแบ่งประเภทรถออกเป็น 24 กลุ่มจากเดิมมีแค่ 5
กลุ่ม
“ยกตัวอย่างรถโตโยต้า แคมรี่, ฮอนด้า แอคคอร์ด,
นิสสัน เทียร์น่า ของเดิมอยู่กลุ่มเดียวกัน
แต่ของใหม่จะอยู่คนละกลุ่มแบ่งตามเครื่องยนต์มีขนาดเครื่อง 2,400 ซีซี, 2,500 ซีซี
และ 3,500 ซีซี เครื่องยนต์ที่มีซีซีสูงเวลาเกิดอุบัติเหตุจะหนักกว่า
เป็นการจัดกลุ่มตามการผันแปรของเครื่องยนต์ หรือรถประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์)
ซึ่งตอนนี้คิดเบี้ยต่ำสุดก็จริงยึดตามพิกัดอัตราเบี้ยของเดิมที่เริ่มใช้มา
ตั้งแต่ปี 2541-42 แต่ตอนนั้นคิดจากฐานรถเก๋ง 4 ล้อมียอดจำหน่ายประมาณ 7
ล้านคันแต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 10 ล้านคัน เมื่อวอลุ่มเยอะเบี้ยก็ต้องถูกลง
ถ้ายึดตามหลักนี้รถอีโคคาร์เบี้ยอาจจะแพงไป
ขณะที่สถิติการเกิดอุบัติเหตุในตอนนี้ความเสี่ยงยังปกติอยู่”
บังคับใช้กฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์แนวโน้มค่าสินไหมลดเบี้ยประกันภัยต้องปรับใหม่
นายพันธ์เทพกล่าวว่า
ปัจจุบันการจราจราทางถนนดีขึ้น อย่างต่างจังหวัดมีการปรับปรุงถนนดีขึ้น
มีสัญญาณไฟตามจุดต่างๆ มากขึ้น กฎหมายเข้มขึ้นอย่างล่าสุดเพิ่งบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ห้ามดื่มในที่สาธารณะทั้งขณะขับขี่หรือโดยสารในรถหรือบนรถทุกประเภทรวมถึง
ท้ายรถด้วย ต้องปรับให้เหมาะสมอุบัติเหตุอาจจะเกิดน้อยลง
แนวโน้มค่าสินไหมทดแทนจะลดลง ดังนั้น เบี้ยประกันภัยต้องปรับให้เหมาะสม
“หลักการอัตราสินไหมประกันภัยรถยนต์ไม่ควรเกิน
60% ที่ผ่านมาประมาณ 70-80% สิ้นปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 64-65%
เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดอัตรารวม (คอมไบน์ เรโช) ประมาณ 110% เท่ากับขาดทุน
10% มาจากน้ำท่วม”
อย่างไรก็ดีในการทบทวนรูปแบบกรมธรรม์และเบี้ยประกันภัยรถยนต์นั้นทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.) ได้ตั้งคณะทำงานขึ้น 3 ชุด
ชุดแรกดูแลด้านพัฒนาการพัฒนารูปแบบกรมธรรม์และเบี้ยประกัน
ชุดที่สองปรับปรุงเงื่อนไขกรมธรรม์ทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับและชุดที่สาม
จัดทำคู่มือตีความทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับ
แต่ละชุดจะมีทั้งทีมของคปภ.และสมาคมร่วมกันต่างคนต่างหาข้อสรุปของตัวเอง
ก่อนจะนำไปข้อมูลไปพูดคุยกันในคณะใหญ่ซึ่งจะมีการนัดประชุมกันอาจจะเป็น
เดือนนี้หรือเดือนหน้า
โดยการปรับปรุงทั้งหมดต้องแล้วเสร็จและเริ่มใช้ก่อนประชมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)
อาจจะเป็นต้นปี 2556 หรือกลางปี 2556
จากข้อมูลของคปภ. ในช่วง 5 เดือนปีนี้
ประกันภัยรถยนต์มีเบี้ยรับรวม 40,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.08% อัตราสินไหม (Loss
Ratio) 65.21% ขณะที่สิ้นปี 2554 มีเบี้ยประกัน 83,250.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.62%
อัตราสินไหม 54.90% โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 59%
ของเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งระบบ
แหล่งข้อมูล : tqmbroker.com
แฟนเพจ : http://www.facebook.com/tqmbroker
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น