ในยุคนี้สมัยนี้การจะถอยรถสักคันมันคงไม่ได้เป็นเรื่องยากสักเท่าใด
ถึงขนาดที่ว่าคนขับแทบยังไม่ทันได้รู้จักรถของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
ก็หามาครอบครองได้เสียแล้ว
คำง่ายๆ 2 พยางค์ 'รันอิน'
แต่มันแบกคำถามต่างๆ นานาไว้จนมากมาย ไม่ว่าจะต้องทำการรันอินหรือไม่
รันอินที่ระยะทางเท่าไหร่ดี แล้วควรค่อยๆ ขับ หรือขับแบบเต็มเหนี่ยวไปเลย
ซึ่งก็ต้องบอกว่าคำตอบของมันที่ถูกต้องจนเป็นทฤษฎีหรือหลักการให้ยึดตามน่ะ
มันยังไม่มี!! ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจล้วนๆ
แต่เอาเป็นว่าไทยรัฐออ
นไลน์จะขอหยิบยกแนวทางตามความนิยมที่ปฏิบัติสืบต่อส่งทอดจากรุ่นสู่รุ่น
เป็นรูปแบบการรันอินชนิด 'เพลย์เซฟ' หรือแบบ 'ปลอดภัยไว้ก่อน'
นั่นแหละขึ้นมานำเสนอ
รันอิน? คืออะไร ไหนใครไม่เคยได้ยิน
คำว่า
'รันอิน' มีที่มาจากความคิดที่ว่า ภายในเครื่องยนต์
หรือชิ้นส่วนบางชิ้นต้องการระยะเวลาในการปรับตัวให้เข้าที่เสียก่อนที่มันจะ
พร้อมเริ่มทำงานจริงๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งโดยมากชิ้นส่วนเหล่านี้เรียกร้องระยะทางประมาณ 1,000
กม.แรกตั้งแต่ออกรถจากศูนย์ ที่มันอยากบอกว่า 'เบาๆ หน่อยครับเจ้านาย'
ความเชื่อยุคใหม่
แต่
ในระยะหลังก็มีความเชื่อคลื่นลูกใหม่ไม่ว่าจากสายข่าววงในแห่งหนใดก็คงไม่มี
ใครสามารถชี้เป้า หล่นความคิดเห็นต่างๆ
นานาว่าการรันอินมันกลายเป็นการกระทำอันตกยุค
เพราะสมัยนี้เขารันอินมาจากโรงงานกันหมดแล้ว ซึ่งก็อาจจริงดังที่ว่า
แต่คำถามคือ โรงงานเขาจะใจดีรันอินรถเป็นหมื่นๆ คันได้ทั้งหมดจริงๆ หรือ?
แต่
หากใครคิดว่าเป็นคน 'รักตัว กลัวรถพัง'
ก็ขอแนะนำให้ทำตามผู้หลักผู้ใหญ่ในอดีตก็ไม่น่าจะเสียหายตรงไหน
เพราะที่แน่ๆ การรันอินก็ไม่เคยทำให้รถคันไหนพัง หรือว่าไม่จริง!
รันอิน ทำแบบนี้ ดูแล้วดีที่สุด
สำหรับวิธีการ
รันอินมันไม่ได้มีการถ่ายทอดผ่านคัมภีร์เล่นไหน แต่ส่วนใหญ่มาจากปากต่อปาก
ทำได้ง่ายๆ โดยพยายามควบคุมสติและฝ่าเท้าที่สัมผัสคันเร่งในช่วง 1,000 กม.
แรกให้ได้ เมื่อผ่านพ้นก็ถือว่า 'คุณสอบผ่าน'
ในช่วงระยะเวลารันอิน
ไม่ควรใช้ความเร็วและรอบเครื่องยนต์คงที่เป็นระยะเวลานานๆ
เพราะมีความเชื่ออย่างเป็นมั่นเหมาะว่า
มันจะเกิดการเสียดสีขั้นรุนแรงต่อเนื่องภายในเครื่องยนต์
อันก่อให้เกิดการสึกหรอมากผิดปกติ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยนิยมนำรถที่ยังไม่พ้นรันอินไปเที่ยวซิ่งต่างจังหวัด
กัน
สิ่งที่ต้องห้ามและไม่ควรอย่างยิ่ง
คือหลีกเลี่ยงการลากรอบจนสูงเกินจำเป็น สักไม่เกิน 2,500 รอบ/นาที กำลังสวย
ส่วนบรรดาเกียร์อัตโนมัติทั้งหลายแหล่
อย่าริอ่านเล่นการคิกดาวน์เกียร์บ่อยๆ เพราะมันไม่ส่งผลดีต่อระบบเกียร์แน่ๆ
การ
บรรทุกหนักควรหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกัน
อดใจให้พ้นรันอินเสียก่อนน่าจะเป็นผลบวกที่สุด เหมือนภาษิตไทยที่ว่า
'อดเปรี้ยวไว้กินหวาน' นั่นแหละ เกิดใจร้อนรีบเร่งไป
โรงงานประกอบนอตตัวไหนมาไม่แน่นละก็ ทางใครทางมันละทีนี้
ระบบเบรก รันอินที่ต้องการ
นอกเหนือจากเครื่อง
ยนต์ที่เป็นส่วนสำคัญแล้ว ระบบเบรกไม่ว่าจะรถใหม่
หรือรถที่เพิ่งเปลี่ยนผ้าเบรก ก็ล้วนต้องการรันอินระบบเบรกทั้งนั้น
เพื่อให้ผ้าเบรกปรับสภาพเข้ากับจานเบรกเสียก่อน ระยะรันอินระบบเบรกก็ราวๆ
200-300 กม. สำหรับการใช้งานจริง ในช่วงนี้ไม่ควรเบรกรุนแรง
หรือหยุดรถอย่างกะทันหันอย่างทันทีทันใด
ยางรถยนต์ ก็ขอเอี่ยวเรื่องรันอิน
ยังไม่หมดแค่
นั้น ยางรถยนต์ก็ต้องการรันอินเช่นกัน เพราะเมื่อสัมผัสพื้นครั้งแรก
ยางรถยนต์ต้องการเวลาสำหรับการปรับโครงสร้างให้เข้าที่กับพื้นถนน
รับรู้ถึงน้ำหนักและลักษณะการใช้งานของตัวรถ
ในระยะรันอินของยางอยู่
ที่ 500 กม.แรก ไม่ควรใช้ความเร็วมากเกินไป อยู่ระหว่าง 100-120 กม./ชม.
ถือว่ากำลังดี
และที่สำคัญอย่าทำเท่แบบไม่ยั้งคิดด้วยการออกตัวด้วยความรุนแรงถึงขั้นล้อ
ฟรี เพราะมันไม่เท่นักหรอกแถมงานจะถามหาเอาได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ดี สำหรับเทคนิกการรันอิน
ยังคงเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน
เพียงแต่ว่ามันมีแนวโน้มและเหตุผลที่ใครจะคิดเป็นทางไหน
แต่เชื่อว่าสำหรับใครหลายๆ คนแล้ว ของที่ยังใหม่สดซิงไม่เคยผ่านการใช้งาน
ในช่วงแรกๆ ก็ควรให้มันค่อยเป็นค่อยไปไม่จริงหรือ...
เกร็ดความรู้ที่นำมาฝาก TQM Insurance Broker
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น