วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

“เครื่องเสียงติดรถ“ เรื่องเสี่ยงภัยที่คุณหมางเมิน


 ถ้าพูดถึงรถยนต์ในปัจจุบันแล้ว มาตรฐานหนึ่งที่ถูกนำเข้ามาบรรจุไว้ในรถทุกรุ่นที่ไม่ว่าจะรุ่นไหน ยี่ห้อ หันไปก้ต้องเจอ วิทยุ CD-Mp3 บ้างเพิ่มจอสัมผัสมาให้ได้ใช้งานกันอย่างลงตัว แลับ้างทันสมัยสั่งง่ายด้วยการเปล่งเสียง
     "เครื่องเสียงติดรถยนต์" ในปัจจุบัน กลายเป็นของแถมที่มาอย่างครบครันกับตัวรถ แต่แม้มันจะเป็นเรื่องที่ทำให้เราไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าแต่งเครื่องเสียง เพิ่มเติม แต่การฟังเครื่องเสียนงในรถนั้น ก็มีน้อยคนนักที่จะคิดว่ามันอันตราย

เรื่องจริงที่แฝงอยู่กับสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้สมัยนี้ใครก็ฟัง วิทยุ ในรถทั้ง แม้ "เครื่องเสียง" จะเป็นสิ่งที่ให้ความบันเทิง เพื่อแก้เหงาสำหรับใครที่ชิบสันโดดในการขับรถ ทั้งยังให้การรับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ แต่ในผลดีทีมีอย่างมากมาย ถ้าใช้เกินความจำเป็นก็อาจจะเป็นผลร้ายก็ได้
     ตามปกติแล้วในขณะที่รถยนต์วิ่งนั้นย่อมจะมีเสียงรบกวนจากภายนอกอยู้ว ทั้งจากเครื่องยนต์ก็ดี หรือเสียงยางที่สัมผัสกับพื้นถนน ตลอดจน เสียงเศษดินกรวดต่างๆที่มาจากธรรมชาติ ทว่าเสียงที่น้อยนิดเหล่านี้กลับเป้นอุปสรรคต่อความบันเทิงในห้องโดยสาร วึ่งการเอาชนะเสียงเหล่านี้ได้ คุณจะต้องเร่งความเข้มของเสียงหรือ หมุน Volume ให้ดังมากขึ้นเพื่อกลบเสียงที่เกิดขึ้นจากภายนอก
     การเร่งเสียงที่เพิ่มขึ้นเพื่อกลบเสียงภายนอกนี่แหละที่เป้นบ่อเกิดของปัญหา เพราะเมื่อเกิดอยู่ในสภาวะฉุกเฉินการเปิดเครื่องเสียงให้มีเสียงดังกว่าปกติ ถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวดต่อการแก้ไขสถานการณ์ เช่นการได้ยินเสียงแตรจากเพื่อนร่วมทาง ไปจนถึงเสียงของความผิดปกติต่างๆของระบบต่างๆของรถ ซึ่งจะส่งผลตรงต่อการแก้ไขสถานการณ์ระหว่างรอดอย่างหวุดหวิด หรือเจอจังๆก็ได้
     ทั้งนี้จากการวิจัยของ Populus ในเกาะอังกฤษที่มีผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 2000 คน เมื่อ ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ยังให้ผลการค้นพบที่น่าสนใจ โดยระบุว่า ขาร๊อคหลังพวงมาลัยมักจะมีพฤติกรรมขับขี่ที่เร้าร้อนหลังได้ ฟัง ในขณะที่คนขับที่ฟังเพลงคลาสสิคและเพลงป๊อป ขณะขับขี่จะช่วยให้ผ่อนคลาย เช่นเดียวกันกับเพลงแจ๊ส
   ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ระบุว่า เสียงของรถยนต์ที่สามารถใช้งานบนถนนปัจจุบัน ต้องมีระดับเสียงที่ต่ำกว่า 100 เดซิเบลเอ ในระยะ 0.5 เมตร ซึ่งหมายความว่าหากต้องการกลบเสียงรถยนต์ที่เราวิ่งอยู่นั้นอาจจะต้องเร่ง เสียงวิทยุมากถึง 100 เดซิเบลเลยทีเดียว
     ตามปกติ แล้วเสียงที่เราได้ยินและเริ่มเป็นอันตรายต่อโสตประสาททางด้านการได้ยิน ของหูนั้นจะมีระดับอยู่ที่ 85-90 เดซิเบล และถ้าเสียงที่ได้ยินมากกว่า 140 เดซิเบล ก็อาจจะเสี่ยงหูดับถาวร ซึ่งคิดง่ายๆว่าการที่เราเร่งเสียงที่ต้องเอาชนะเสียงรถที่มีอย่างมากที่สุด 100 เดซิเบล และการเอาชนะได้นั้นต้องมีการเพิ่มความเข้มของเสียงขั้นต่ำอีก 20 เดซิเบล นั่นหมายถึง คุณต้องใช้เสียงมากที่สุดถึง 120 เดซิเบลในรถธรรมดาทั่วไปในการฟังเพลงให้สะใจวัยโจ๋
      เสียงที่ดังเกินขนาดย่อมไม่ส่งผลดีทั้งต่อความปลอดภัยของผู้อื่นบนถนน เช่นเดียวกับสุขภาพหุของผู้ขับขี่ แต่ในขณะที่เราอาจจะเลี่ยงไม่ได้ในการผ่อนคลายขณะขับขี่ด้วยเสียงเพลง ขับรถเย็นนี้ลองลดเสียงลงสักนิดว่าเพื่อหูที่ได้ยินต่อไปอีกยาวนาน
ที่มา :สนุกดอทคอม
เป็นเเกร็ดความรู้ที่ TQM Insurance Broker นำมาฝาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น