สมาคมประกันวินาศภัย ออกมาระบุว่า ผู้ที่ จะได้รับความคุ้มครองจากกรณีรถยนต์ถูกน้ำท่วม ต้องเป็นผู้ที่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น ส่วนผู้ทำประกันชั้น 2 และ 3 จะไม่มีสิทธิได้รับการคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยรถยนต์ โดยผู้ที่ทำประกันชั้น 1 จะได้รับความคุ้มครองทันที ส่วนผู้ที่ไม่มีประกันต้องซ่อมรถยนต์เอง ซึ่งราคาค่อนข้างสูง
โดยแบ่งความเสียหายออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่...
- น้ำท่วมระดับล้อรถยนต์ ค่าแรงในการซ่อมแซมอยู่ที่ 8,000 - 10,000 บาท
- น้ำท่วมระดับเบาะ ค่าแรงในการซ่อมแซมอยู่ที่ 15,000 – 20,000 บาท
- น้ำท่วมระดับคอนโซน ค่าแรงในการซ่อมแซมอยู่ที่ 25,000 – 30,000 บาท
- น้ำท่วมมิดทั้งคัน ค่าแรงในการซ่อมแซมอยู่ที่ 30,000 บาท
เกณฑ์การพิจารณาค่าสินไหมทดแทนจากน้ำท่วม
หากท่านทำประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ไว้และรถเกิดความเสียหายจากน้ำท่วมนั้น สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ โดยปกติจะต้องพิจาณาจาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามจริง ดังนี้
1. เสียหายสิ้นเชิง (total loss) ในที่นี้หมายถึงเสียหายจนไม่อาจซ่อมให้อยู่สภาพเดิมได้ หรือค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 70% ของมูลค่ารถยนต์ ขณะเกิดความเสียหาย เช่น โดยน้ำท่วมทั้งคันหรือ ท่วมเกินคอนโซลหน้า
2. เสียหายแต่ไม่ถึงเสียหายสิ้นเชิง (partial loss) ในกรณีนี้ บริษัทรับประกัน จะซ่อมให้จนรถกลับสู่สภาเดิมก่อนเสียหาย
หากท่านทำประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ไว้และรถเกิดความเสียหายจากน้ำท่วมนั้น สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ โดยปกติจะต้องพิจาณาจาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามจริง ดังนี้
1. เสียหายสิ้นเชิง (total loss) ในที่นี้หมายถึงเสียหายจนไม่อาจซ่อมให้อยู่สภาพเดิมได้ หรือค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 70% ของมูลค่ารถยนต์ ขณะเกิดความเสียหาย เช่น โดยน้ำท่วมทั้งคันหรือ ท่วมเกินคอนโซลหน้า
2. เสียหายแต่ไม่ถึงเสียหายสิ้นเชิง (partial loss) ในกรณีนี้ บริษัทรับประกัน จะซ่อมให้จนรถกลับสู่สภาเดิมก่อนเสียหาย
ข้อแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติกรณีเกิดความเสียหายขึ้นกับรถ อันเนื่องมาจากภัยน้ำท่วม
1. ก่อนอื่น ท่านควรแยกเอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับรถของท่าน และเอกสารเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์ เช่น กรมธรรม์ ไว้นอกรถ เพราะท่านต้องใช้อ้างอิงในการแจ้งข้อมูลแก่บริษัทประกัน
2. ท่านควรแจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ทันที ที่ทราบความเสียหาย (แจ้งเคลม)
3. ท่านควรถ่ายภาพรถยนต์ และความเสียหายที่เกิดขึ้นเก็บไว้เป็นข้อมูล และใช้ชี้แจงแก่บริษัทประกัน
4. ในกรณีที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ไม่สามารถส่งพนักงานไปบันทึกและตรวจสอบความเสียหายได้ (อาจเพราะไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้) ท่านควรถ่ายภาพไว้ตามข้อ 3. และควรให้บุคคลอื่น เช่น คนในครอบครัว หรือ เพื่อนบ้าน เป็นพยานที่สามารถยืนยันความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
5. กรณีที่ไม่สามารถแจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ หรือภาพภาพไว้ได้ ท่านควรบันทึกรายละเอียดข้อมูลความเสียหายไว้เช่น วันที่ที่เกิดความเสียหาย สภาพความเสียหายเท่าที่ประจักษ์ได้ด้วยตา และรีบแจ้งบริษัทประกันทันทีเมื่อท่านสามารถแจ้งได้
6. จากข้อ 5. หากท่านสามารถไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อขอให้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน เกี่ยวกับเหตุ และข้อมูลความเสียหายของรถยนต์เบื้องต้นเท่าที่ท่านเห็นประจักษ์ด้วยตา จะเป็นประโยชน์แก่ท่านเป็นอย่างมาก
ด้วยความปราถนาดี จากบริษัท TQM Insurance Broker
2. ท่านควรแจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ทันที ที่ทราบความเสียหาย (แจ้งเคลม)
3. ท่านควรถ่ายภาพรถยนต์ และความเสียหายที่เกิดขึ้นเก็บไว้เป็นข้อมูล และใช้ชี้แจงแก่บริษัทประกัน
4. ในกรณีที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ไม่สามารถส่งพนักงานไปบันทึกและตรวจสอบความเสียหายได้ (อาจเพราะไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้) ท่านควรถ่ายภาพไว้ตามข้อ 3. และควรให้บุคคลอื่น เช่น คนในครอบครัว หรือ เพื่อนบ้าน เป็นพยานที่สามารถยืนยันความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
5. กรณีที่ไม่สามารถแจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ หรือภาพภาพไว้ได้ ท่านควรบันทึกรายละเอียดข้อมูลความเสียหายไว้เช่น วันที่ที่เกิดความเสียหาย สภาพความเสียหายเท่าที่ประจักษ์ได้ด้วยตา และรีบแจ้งบริษัทประกันทันทีเมื่อท่านสามารถแจ้งได้
6. จากข้อ 5. หากท่านสามารถไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อขอให้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน เกี่ยวกับเหตุ และข้อมูลความเสียหายของรถยนต์เบื้องต้นเท่าที่ท่านเห็นประจักษ์ด้วยตา จะเป็นประโยชน์แก่ท่านเป็นอย่างมาก
ด้วยความปราถนาดี จากบริษัท TQM Insurance Broker