เรื่องความสกปรกภายในห้องโดยสารนั้น เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงได้ยากยิ่ง แม้ว่าจะพยายามรักษาความสะอาดอย่างดีที่สุดแล้วก็ตามแต่ทว่าก็ยังมิอาจ0tขวางกั้นการเล็ดรอดของฝุ่นละอองที่มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง และพร้อมจะเข้าประจำการในห้องโดยสารได้ทันทีที่มีโอกาส ไม่นับรวมบรรดาคราบสกปรกต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ (บ่อยซะด้วยซิครับ) ทางแก้จึงอยู่ที่การขจัดสิ่งสกปรกนั้นออกซะ ส่วนจะจัดส่งเข้าคาร์แคร์หรือบรรเลงเองก็ตามแต่โอกาสและงบประมาณนั่นแหละครับ
ไม่เถียงครับว่าบรรดาวัตถุดิบ, เครื่องไม้เครื่องมือ ตลอดจนความชำนาญของช่างที่คาร์แคร์นั้นพร้อมกว่าด้วยประการทั้งปวง แต่นั่นก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่สูงไม่น้อย
เลยทีเดียวถ้าเล่นกันเต็มระบบ ซึ่งก็อาจจะเกินความจำเป็นไปนิด ในกรณีที่ไม่ได้เปรอะเปื้อนซึมลึกถึงขนาดต้องรื้อภายในกันแทบทุกชิ้น แต่กับบางคนก็อาจจะยังไม่ได้ดั่งใจซักเท่าไหร่ กับการ ?ล้างสี-ดูดฝุ่น? ก็เท่ากับว่าคุณต้องลงมือเองแล้วล่ะครับ และถ้าตกลงปลงใจได้ดังนั้นแล้วล่ะก็ ไปเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือได้เลย
ครับ ซึ่งที่ต้องใช้ก็จะมีเครื่องดูดฝุ่น ที่แนะนำว่าใช้เครื่องดูดฝุ่นบ้าน เพราะแรงลมในการดูดนั้นจะสูงกว่า แต่ก็ออกจะค่อนข้างเกะกะพอสมควร, แปรงขนนิ่มๆ หน่อย(แปรงสีฟันกับแปรงทาสีก็ได้นะ) น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ และผ้า-ฟองน้ำไว้ใช้สำหรับเช็ดคราบสกปรกครับ ว่าแล้วก็ไปดูขั้นตอนการทำความสะอาดกันเลยครับ
พรมรองเท้ามีกี่ชิ้น เอาออกมาให้หมด จากนั้นนำไปสลัดฝุ่นออก แล้วค่อยตามด้วยการดูดฝุ่นอีกระลอก หรือถ้ายังไม่สาแก่ใจล่ะก็ แนะนำให้ซักไปเลยครับ ใน
กรณีที่ซักพรม หลังจากที่ชำระล้างพรมจนสะอาดเรียบร้อยดีแล้ว ก่อนที่จะนำพรมไปผึ่งแดด แนะนำให้ใช้โบลว์เออร์เป่าเพื่อไล่ลมก่อน เพราะจะช่วยให้พรมแห้งเร็วขึ้นครับ
ถึงคิวของเครื่องดูดฝุ่น กับภารกิจตักตวงเอาเศษฝุ่นละอองต่างๆ ออกจากตัวเบาะให้ทั่วทั้งตัวและทุกตัว รวมไปถึงที่บริเวณพรมชิ้นใหญ่ (อย่าลืมบริเวณที่วาง
เท้าของคนขับ) และห้องสัมภาระที่ด้านหลังด้วยนะครับ จากนั้นค่อยมาขจัดคราบสกปรกที่ติดอยู่ตามเบาะ (ถ้ามี) ด้วยน้ำยาทำความสะอาดกันต่อ ซึ่งขั้นตอนส่วนใหญ่ก็จะให้ฉีดน้ำยาไปยังบริเวณที่สกปรกก่อน จากนั้นรอเวลาให้ตัวน้ำยาทำการสลายคราบที่ฝังอยู่ (ประมาณ 10-15 นาที) แล้วค่อยเช็ดด้วยฟองน้ำหรือผ้าชุบ
น้ำพอหมาดๆ จนสะอาด แต่ถ้าหากยังเอาคราบสกปรกออกไม่หมด ก็ต้องลงน้ำยาอีกรอบ แล้วรอเวลาเล็กน้อย จากนั้นค่อยลงแปรงเพื่อช่วยสลายคราบอีกทีครับ
ปัดฝุ่นที่บริเวณซอกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรอบสวิทช์ต่างๆ, วิทยุ, กรอบช่องแอร์ฯลฯ ด้วยแปรงทาสีอย่างเบามือ หรือถ้าที่วิทยุมีช่องเสียบ USB ล่ะก็ เอาเครื่องดูด
ฝุ่นแบบที่ใช้กับตัวคอมพิวเตอร์ (ซึ่งจะมีหัวแปรงนิ่มๆ ติดมาด้วย) มาใช้ได้เช่นกันครับ
เช็ดบริเวณคอนโซล และชิ้นส่วนต่างๆ ที่เป็นพลาสติคด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดแต่หากมีคราบสกปรกก็ต้องพึ่งน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ร่วมกันด้วยครับ
แล้วเช็ดจนสะอาด จากนั้นก็ตามด้วยน้ำยาเคลือบเพื่อป้องกันการทำร้ายจากแสงแดดอีกทีก็ได้ครับ เพราะจะช่วยป้องกันการแตก-กรอบของชิ้นส่วนได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะใครที่จะต้องจอดตากแดดบ่อยๆ ล่ะก็ เหมาะอย่างยิ่งเลยล่ะครับ แต่ถ้าเป็นหนังแท้ก็ควรจะต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดและเคลือบเฉพาะหนังแท้ด้วยนะ
ครับจริงๆ แล้วการทำความสะอาดด้วยตัวเองนั้น ก็ไม่ได้จะยุ่งยากแต่อย่างใดเลยครับหากว่าไม่ได้เลอะมากมายอย่างน้ำมันเครื่อง-จาระบี, อาเจียน ฯลฯ หรือน้ำเข้าจนพรมเปียก+มีกลิ่นอับ ซึ่งถ้าหนักขนาดนั้นก็คงต้องพึ่งคาร์แคร์ที่อุดมไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือและน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะทางมากกว่าครับ ความสะอาดภายในรถนั้น นอกจากความรู้สึกทางสายตาแล้ว ยังจะมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพของเราๆท่านๆ ด้วยนะครับ เพราะตลอดเวลาที่เรา (และคนอื่นๆ) อยู่บนรถนั้น อากาศที่เราใช้หายใจ มันก็หมุนเวียนอยู่ในห้องโดยสารนั่นแหละครับ ยิ่งคนที่เอาน้องหมาไปไหนมาไหนด้วย ยิ่งต้องดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษเลยล่ะครับ
เกร็ดความรู้ดีๆ ที่ทาง #ประกันภัยรถยนต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น