วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เคลมถุงลมนิรภัย

630-2

ปัจจุบันอุบัติเหตุทางรถยนต์เรียกได้ว่าเกิดขึ้นได้แทบทุกวัน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากผู้ขับขี่ หรือมือใหม่หัดขับทั้งหลายไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่มีถุงลมนิรภัยก็มักจะเกิดปัญหาทางด้านการเสียชีวิต หรืออาการบาดเจ็บสาหัสให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นถ้าออกเดินทางไปไหนมาผู้ขับขี่ควรตรวจสอบด้วยว่าระบบต่าง ๆ ที่ว่าทำงานได้ดีหรือไม่ และการขับขี่ทุกครั้งก็ควรที่จะคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัญหาปัญหาบนท้องถนนที่ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากขับขี่ แต่อีกส่วนหนึ่งก็มักจะมาจากตัวรถเอง และถ้าหากเสียชีวิตนอกจากจะไม่คาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว การที่ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเสียชีวิตเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเกิดปัญหาลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น ผู้ขับขี่จะสามารถขอเคลมกับ บริษัทประกัน ได้หรือไม่ ? เพราะถือได้ว่าเป็นความผิดพลาดของรถยนต์อีกรูปแบบหนึ่งในอดีตปัญหาดังกล่าวอาจจะไม่สามารถที่จะติดต่อเพื่อขอเคลมได้กับทาง บริษัทประกันเพราะถุงลมนิรภัยถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่ผู้ขับขี่รถยนต์จะติดตั้ง หรือไม่ติดตั้งก็ได้ แต่ในปัจจุบันค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่เห็นในเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลักจึงมักจะมีระบบดังกล่าวมาแทบทั้งหมด ดังนั้นถ้าหาก ถุงลมนิรภัยมีปัญหา ก็สามารถที่จะอนุมานได้ว่าผู้ขับขี่สามามารถที่จะขอ เคลมประกันกับบริษัทประกัน ได้เช่นเดียวกันนอกจากนั้น การเคลมประกัน ก็สามารถที่จะทำได้สองวิธีก็คือ การเคลมสดที่จะต้องเคลม ณ สถานที่เกิดเหตุโดยที่ผู้ประสบเหตุจะต้องติดต่อมายัง บริษัทประกันรถยนต์ ที่ท่านถือครองกรมธรรม์ไว้ โดยที่ทางบริษัทจะส่งพนักงานเคลมประกันไปยังสถานที่เกิดเหตุและคอยให้บริการด้วยการออกเอกสารในเรื่องของค่าใช้จ่าย ๆ ต่างให้ไปยังอู่ซ่อมรถที่อยู่ในเครือของบริษัทประกันนั้น ๆการเคลมประกันแห้ง ถ้าหากท่านทราบว่าระบบของถุงลมนิรภัยมีปัญหาก็ควรที่จะส่งเข้าเคลมในทันทีโดยสามารถเลือกเคลมประกันได้กับอู่ที่อยู่ในเครือของบริษัทนั้น ๆ และอยู่ใกล้บ้าน โดยที่การเคลมนั้นไม่ควรที่จะเข้าเคลมก่อนที่อายุของกรมธรรม์จะหมดอายุอย่างไรก็ตามสำหรับผู้ขับขี่ทั้งหลายที่ไม่อยากจะมีปัญหาดังกล่าวก่อนการเดินทางออกจากบ้าน รวมไปจนถึงรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน และแม้ว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุเลยก็ควรที่จะตรวจสอบรถประจำปีโดยอาจจะส่งเข้าศูนย์บริการของค่ายรถนั้น ๆ เพื่อตรวจสอบว่าระบบต่าง ๆ ของรถมีความเสื่อมทางด้านใดบ้างที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันปัญหาอย่างเช่น ถุงลมนิรภัยที่อาจจะไม่ทำงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้นรวมไปจนถึงในการทำประกันรถยนต์ท่านควรที่จะตรวจสอบ และอ่านเอกสารรวมไปจนถึงรายละเอียดต่าง ๆ ภายในกรมธรรม์ให้ครบถ้วนก่อนที่จะลงมือเซ็นชื่อ เพราะถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ โดยท่านจะต้องอ่านให้รอบคอบว่ากรมธรรม์ที่ได้รับมีสิทธิประโยชน์ด้านใดบ้าง และรับเคลมประกันอย่างไรบ้าง รวมไปจนถึงควรจะมองหารายละเอียดที่เกี่ยวกับการยกเว้นต่าง ๆ อย่างเช่น ทางบริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบถ้าผู้ขับขี่ทำอะไรผิด เป็นต้นถุงลมนิรภัยอาจจะเกิดความเสื่อมได้ตามกาลเวลา ดังนั้นทุกท่านก็ควรที่ตรวจรถประจำปีเพื่อเช็คสภาพต่าง ๆ รวมทั้งถุงลมนิรภัยซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะทำให้ทุกท่านปลอดภัยจากอุบัติเหตุขั้นร้ายแรง เพราะถุงลมนิรภัยจะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ผู้ขับขี่นั้นไม่ต้องเจอแรงกระแทกระหว่างตัวบุคคล กับแทบคอนโซลวหน้ารถ ขณะเดียวกันระหว่างการขับขี่ก็ควรที่จะคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นเข็มขัดก็จะช่วยอีกแรงหนึ่งเพื่อทำให้ร่างกายของเราปลอดภัยจากแรงกระแทกเนื่องจากคงไม่คุ้มเท่าไหร่นักถ้าหากต้องรอให้เกิดปัญหาขึ้นมาก่อนแล้วตามแก้ในภายหลัง ดังนั้นทุกท่านก็ควรที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการตรวจสอบรถยนต์อยู่เป็นประจำ และมั่นขับรถอย่างมีความปลอดภัยมีสติ รวมไปจนถึงควรที่จะมีประกันรถยนต์สักหนึ่งฉบับไว้เป็นตัวช่วยเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น เพราะการซ่อมรถมักจะใช้ราคาสูงไม่ใช่น้อยประกันก็จะเข้ามาเป็นตัวช่วยในด้านนี้ เป็นต้น

ที่มา : askhanuman.co.th
เกร็ดความรู้ดีๆ จาก  ประกันภัยรถยนต์ โปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ
เบื่อซ่อม อยากขาย ไว้ใจ  รถยนต์มือสอง ตลาดรถ รับฝากขายรถมือสอง เปรียบเทียบรถยนต์ ฟรี!!

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ควรทำประกันตั้งแต่อายุเท่าไหร่

เกร็ดความรู้ดีๆ จาก  ประกันภัยรถยนต์ โปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ
เบื่อซ่อม อยากขาย ไว้ใจ  รถยนต์มือสอง ตลาดรถ รับฝากขายรถมือสอง เปรียบเทียบรถยนต์ ฟรี!!
หมดสมัยกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับความคิดที่ว่าการทำประกันนั้นมันก็เพียงเพื่อการคุ้มครองชีวิตเราเท่านั้น เพราะว่าทุกวันนี้การทำประกันนั้นมันได้ประโยชน์อย่างมากมายหลากหลายเด้ง ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองชีวิต, เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ยามเจ็บป่วย, เป็นการออมทรัพย์ไปในตัว อยู่ที่ว่าเงื่อนไขในกรมธรรม์นั้นๆ จะปันผลคืนให้อย่างไร รวมไปถึงยังสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย สำหรับคนวัยทำงาน และบริษัทประกันในสมัยนี้ก็มีมากมายหลาย จากส่วนแบ่งการตลาดจนทำให้ส้มหล่นใส่ผู้บริโภคเต็มๆ ที่ตอนนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่ต้องตอบแบบสอบถามหรือตรวจสุขภาพให้ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อนแล้ว

การทำประกันชีวิตในสมัยนี้นั้น ส่วนใหญ่จะมีจุดขายมุ่งเน้นไปที่การออมเป็นหลักแต่เมื่อการประกันผันตัวเองให้เป็นการออมทรัพย์ประเภทหนึ่ง ซึ่งก็โดนใจผู้บริโภคไม่น้อยที่ไม่ต้องมาตาละห้อยคอยรับดอกเบี้ยออมทรัพย์อันกระจิ๊ดริด หรือต่อให้ฝากประจำหรือออมทรัพย์แบบพิเศษ ก็ไม่น่าจะดีไปกว่าการเลือกออมทรัพย์ ด้วยการทำประกันที่ได้ทั้งประกันชีวิต และสุขภาพตลอดจนลดหย่อนภาษีได้อีก
เมื่อเรามองการประกันนั้น เป็นการออมชนิดหนึ่งแล้วนั้น มันจึงควรทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากหากทำเร็วก็จะเป็นการออมเงินของเราได้เร็วขึ้น และที่สำคัญนั้นก็คือการเริ่มทำประกันตั้งแต่อายุยังน้อย หรือว่าเริ่มเข้าสู่วัยทำงานนั้น มันจะได้เบี้ยประกันที่ถูกกว่าคนที่มีอายุมากกว่าหรือว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เบี้ยประกันก็จะเพิ่มเป็นเงาตามอายุนั่นเอง แถมยังเป็นการสร้างวินัยในการออมที่ดีตั้งแต่ที่เริ่มต้นทำงาน
สำหรับการประกันนั้นสมัยนี้ สามารถที่จะทำประกันให้กับลูกสุดที่รักได้ตั้งแต่ช่วงที่กำลังตั้งครรภ์กันเลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่แล้วค่าเฉลี่ยของผู้ที่ทำประกันนั้นมันอยู่ที่อายุ 18 – 60 ปี และอยู่ที่แต่ละคนว่าจะเลือกประกันในแบบไหน ให้เหมาะสมกับอายุของตนเองในช่วงนั้นๆ หากจะให้ว่ากันง่ายๆ เลยนั้น การทำประกันควรทำตั้งแต่วัยแรกเกิดได้ก็เป็นเรื่องที่ดีเอามากๆ เพราะว่าหลักการประกันนั้นก็คือการแบกรับความเสี่ยงภัย ที่อยู่คู่กับเราตั้งแต่แรกเกิด ขณะเดียวกันการทำประกัน ก็อาจขึ้นอยู่ที่ความพร้อมในการจ่ายเบี้ยประกันของแต่ละคน หรือว่าพร้อมที่จะมอบของขวัญอันสุดพิเศษ ด้วยการทำประกันให้กับคุณปู่, คุณย่า, คุณตา, คุณยาย, คุณพ่อ และคุณแม่ เพื่อเป็นการตอบแทนคุณท่านนั้น มันก็ช่วยเสริมสร้างความอบอุ่นให้ภายในครอบครัวไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว